XOXO (Special)
ถึงโดคยองซู
ฉันตอบจดหมายนายตามสัญญาแล้วนะ
นายจะได้ไม่เรียกฉันว่าคนบ้าอีก แต่จริง ๆ ฉันก็อยากเป็นคนบ้าของนายนะ
งั้นฉันยอมให้นายจะเรียกฉันว่าคนบ้าก็ได้ อีกอย่าง...ฉันไม่ใช่คนใจร้ายนะ
ที่นายว่าฉันตอนที่ลูบหัวนาย ถ้าคนไม่มีใจทำแบบนั้นก็คงต้องบอกว่าใจร้าย
แต่ในเมื่อฉันลูบหัวคนที่ฉันมีใจให้ ฉันน่าจะหลุดจากข้อหานี้แล้วใช่ไหม?
(ฉันเดาว่าตอนนี้นายต้องกำลังหน้าแดงอยู่แน่ ๆ อยากเห็นจัง)
โดคยองซู...ฉันลืมถามคำถามนายไปข้อนึง
แต่ฉันอยากจะถามนายต่อหน้ามากกว่า เพราะงั้นฉันจะไปถามนายตอนที่เราเจอหน้ากันนะ
ฉันเป็นคนบ้าของคนบ้า
ปาร์คชานยอล
“ปาร์คชานยอลคนบ้า”
คยองซูพูดออกมาเบา
ๆ หลังจากอ่านจดหมายที่เพิ่งส่งมาถึงมือเขาเมื่อตอนเย็นจบ เขาวางกระดาษเขียนจดหมายลายท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนลงบนโต๊ะแล้วยกมือทั้งสองขึ้นมาทาบไว้บนแก้ม
อุณหภูมิที่สูงกว่าปกติที่สัมผัสได้ทำให้เขามั่นใจว่าเขาจะต้องกำลังหน้าแดงอย่างที่ปาร์คชานยอลเดาไว้แน่
ๆ จดหมายฉบับนี้เพิ่งส่งมาถึงมือของเขาในตอนเย็นวันอังคาร หลังจากที่ปาร์คชานยอล (คนบ้าคนนั้นนั่นแหละ)
บอกให้เขารอรับจดหมายจากเจ้าตัว
วันนี้ตอนที่เขากลับมาจากโรงเรียนแม่ก็ยื่นจดหมายให้
สิ่งที่เขาทำเมื่อเห็นชื่อผู้ส่ง คือ
คว้ามันจากมือแม่แล้ววิ่งตึงตังขึ้นไปบนห้องแล้วซุกหน้าแดง ๆ
ของตัวเองไว้กับหมอนแถมด้วยการกลิ้งไปกลิ้งมาอีกพักใหญ่จนแม่เรียกให้ลงไปกินข้าวนั่นแหละ
เขาถึงได้เปิดกล่องรูปตู้ไปรษณีย์สีแดงหย่อนซองจดหมายสีฟ้าลงไปแล้วล็อคกุญแจเอาไว้เป็นอย่างดี
รอจนกินมื้อเย็น ทำการบ้านและอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นล่ะ
เขาถึงได้เวลาหยิบเอาจดหมายจากลูกชายคุณไปรษณีย์ออกมาอ่านแล้วก็มานั่งหน้าแดงอยู่อย่างนี้
คยองซูแกะห่อกระดาษเขียนจดหมายสีเขียวน้ำทะเลเซ็ตใหม่ที่เพิ่งซื้อมาแล้วหยิบออกมาใบนึงแล้วก็จ้องมองมันอยู่อย่างนั้นเป็นนาน
ตอนที่เขียนระบายความรู้สึกอะไรก็ดูง่ายไปหมด
แต่ตอนนี้...แค่คิดว่าจดหมายฉบับนี้จะต้องถูกอ่านโดยปาร์คชานยอลคนนั้น
คยองซูก็ดูเหมือนจะกลายเป็นคนหัวตื้อไปเสียเฉย ๆ
เขานั่งเม้มปากจ้องกระดาษแผ่นเดิมอยู่นานกว่าที่จะจรดปลายปากกาลงไป
ถึงปาร์คชานยอล
นายเป็นหมอดูหรือไงถึงมารู้ว่าฉันจะหน้าแดงตอนไหน
ฉันรู้ว่านายเดามั่ว ๆ ถึงมันจะถูกก็เถอะ... แล้วนายจะถามอะไรฉัน?
ทำไมไม่ถามตั้งแต่วันอาทิตย์? แล้วทำไมต้องรอถามต่อหน้าด้วย? ฉันอยากรู้แล้ว ๆ ๆ ๆ
อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะปิดเทอม
ฉันอยากไปเที่ยวที่ทำงานของพ่อนายแล้วอ่า เอ๊ะ! ไม่ใช่ว่านายลืมไปแล้วนะ
ถ้าลืมจะไม่รักจริง ๆ ด้วย
นายจะหน้าแดงบ้างก็ได้
โดคยองซู
คยองซูพับจดหมายใส่ซองแล้วจ่าหน้าซองให้เรียบร้อยใส่กระเป๋าไว้เพื่อพรุ่งนี้เช้าเขาจะปั่นจักรยานไปหย่อนใส่ตู้ไปรษณีย์ที่ตั้งอยู่หน้าที่ทำการไปรษณีย์
บางทีการที่อาศัยอยู่บนเกาะเล็ก ๆ
แบบนี้มันก็เป็นเรื่องน่าขำนิดหน่อยเมื่อบนเกาะมีตู้ไปรษณีย์อยู่เพียงสองแห่ง และหนึ่งในนั้นตั้งอยู่หน้าที่ทำการไปรษณีย์เพื่อรับจดหมายที่มีคนมาส่งก่อนเวลาเปิดทำการ
แต่สำหรับคยองซูมันมีเรื่องน่าขำยิ่งกว่านั้น
เมื่อจดหมายของเขาจ่าหน้าซองถึงบุคคลที่อยู่บ้านเดียวกับคุณไปรษณีย์
ถึงแม้ว่าคุณไปรษณีย์จะสามารถหยิบจดหมายฉบับนั้นไปส่งให้เจ้าของชื่อได้เลยเมื่อเขากลับบ้าน
แต่จดหมายฉบับนั้นก็ยังต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆเหมือนจดหมายที่เดินทางไปยังที่ไกล
ๆ เช่นกัน
++++++++++++++++++++++++++
คยองซูปั่นจักรยานออกจากบ้านเช้ากว่าปกติเล็กน้อยเพราะวันนี้ต้องออกนอกเส้นทางไปแวะส่งจดหมาย
เขาจอดจักรยานไว้หน้าตู้โดยยันเท้าข้างหนึ่งไว้กับพื้น
มือก็ค้นจดหมายออกมาหย่อนใส่ตู้จนได้ยินเสียงจดหมายหล่นลงไปกระทบก้นตู้ริมฝีปากเล็กก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างยินดี
“ส่งจดหมายถึงฉันเหรอ?”
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังออกมาจากประตูที่ทำการไปรษณีย์ทำเอาคนที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แทบจะทำจักรยานหลุดมือ
ปาร์คชานยอลเดินไปที่จักรยานคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าประตูทางเข้าแล้วจูงมันเดินมาหาคนตัวเล็กที่กำลังเบิ่งตาโตด้วยด้วยความตกใจอยู่
“ทะ..ทำไมชานยอลมาอยู่นี่ล่ะ?”
“ไม่รู้สิ
แค่เดาว่าวันนี้น่าจะเจอบางคนมาส่งจดหมายเลยมารอไปโรงเรียนพร้อมกัน”
คยองซูเบะปากให้คนที่ชอบทำตัวเป็นผู้หยั่งรู้แล้วเดาโน่นเดานี่แล้วดันเดาถูกไปทีนึง
จนคนตัวสูงหัวเราะออกมาพลางยกมือขึ้นโยกหัวอีกคนเบา ๆ
“ไปโรงเรียนกันเถอะ”
สองคนปั่นจักรยานตามกันไปบนขอบทางเล็ก
ๆ ลัดเลาะไปตามทางที่คุ้นเคย ตอนแรกต่างคนต่างปั่นกันไปเงียบ ๆ
จนคยองซูนึกอะไรขึ้นมาได้
“ชานยอล”
“หื้ม?”
“ไหนบอกว่ามีอะไรจะถามเรา”
“...”
“ชานนนน ยอลลลล”
ไม่มีเสียงตอบจากชานยอลแถมยังแกล้งปั่นจักรยานหนีให้เขาต้องรีบปั่นตามอีกต่างหาก
กว่าจะถึงโรงเรียนคยองซูก็แทบลิ้นห้อย อยากจะหันไปทุบชานยอลที่จอดจักรยานเสร็จเรียบร้อยแล้วให้น่วมโทษฐานที่ทำให้โดคยองซูคนนี้ต้องเหนื่อยแทบหมดแรง
“ชานยอล!”
เรียกอีกคนเสียงหลงเมื่อข้อมือของตัวเองโดนมือใหญ่คว้าไปจับไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน
“เรียกกันบ่อย ๆ นี่กลัวลืมชื่อฉันเหรอ?”
เจ้าของชื่อก้มลงมาถามพร้อมรอยยิ้มกว้างอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว
“ก็...” พูดพลางยกข้อมือที่ถูกจับไว้ขึ้นมาให้ดู
“เดี๋ยวเพื่อนก็ถามหรอก แล้วจะตอบว่ายังไง?”
“อืม...นั่นสิ”
อีกคนพยักหน้าเห็นด้วยแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องถามคยองซูก่อนแล้วล่ะ”
“ห๊ะ??”
“ก็ที่บอกว่าจะมาถามต่อหน้าไง”
คนตัวเล็กกว่าเหลือบมองนาฬิกา
เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาอีกพักใหญ่ ๆ
ถึงจะเข้าเรียนจึงหยุดเดินแล้วหันหน้ามาหาอีกคน
“ถามสิ”
“เอ่อ...”
คยองซูเลิกคิ้วมองคนที่กำลังอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
มองซ้ายมองขวาพลางเอามือลูบทายทอยไปมาอย่างไม่เข้าใจ คำถามนี้มันจะอะไรกันนักหนา
.
.
.
“เป็นแฟนกันนะ”
แค่ประโยคสั้น ๆ
ที่ออกมาจากปากของชานยอลก็ทำให้คยองซูเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมคำถามนี้มันถึงได้ยากนักหนา
ใบหน้าเล็กเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาที่จ้องมองมาที่เขาไม่วางตา
คยองซูรู้โดยไม่ต้องเดาให้ยากว่าตอนนี้หน้าเขาจะต้องแดงมากอย่างแน่นอน
“คยองซู”
เสียงทุ้มทอดอ่อนอย่างออดอ้อนเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถามแถมยังไม่ยอมสบตาเขาอีกต่างหาก
ถึงจะรู้ว่าเพราะกำลังเขินหนักมากก็เถอะ
“อะไรเล่า?”
เสียงพูดห้วน ๆ แก้เขินถูกส่งกลับมา
แต่อย่านึกว่าคนอย่างชานยอลจะกลัว เขากระชับมือข้างที่จับอยู่ให้แน่นขึ้น
แถมยังเอื้อมไปจับมืออีกข้างไว้อีกต่างหาก
“จะไม่เป็นแฟนกันเหรอหื้ม?”
ไม่ต้องทำเสียงอ้อนตอนที่ก้มลงมามองหน้ากันแบบนี้ได้มั้ยเล่า!!
“ไม่”
ชานยอลถึงกับชะงักไปเมื่อได้ยินคำตอบที่หลุดมาจากปากคนตัวเล็ก
.
.
.
“ไม่ได้บอกว่าจะไม่เป็นด้วยซะหน่อย คนบ้า”
ชานยอลคิดว่าตอนนี้รอยยิ้มของเขาต้องกว้างกว่าปกติแน่
ๆ เพราะเขารู้สึกเหมือนแก้มตึงจนเหมือนจะระเบิดออกมา
ใบหน้าหล่อมองซ้ายมองขวาอีกครั้ง เมื่อไม่เห็นใครเดินอยู่ใกล้เขาก็เลย...
ฟอดดดด
“คนบ้า ถ้าใครเห็นจะทำยังไงเล่า!!!”
ฟาดแขนอีกคนไปเต็มแรงแต่คนโดนฟาดกลับหัวเราะชอบใจ
มือใหญ่ออกแรงดึงให้คนที่ตอนนี้กำลังเขินจนหน้าแดงก่ำกว่าครั้งไหน ๆ
ให้ออกเดินไปพร้อมกัน
.
.
.
“ทีนี้ถ้าใครถามก็ตอบไปนะว่าเราสองคนน่ะ เป็นแฟนกัน”
++++++++++++++++++++++++++
ตอนพิเศษสั้น ๆ ค่ะ ชอบหรือไม่ชอบยังไง คอมเม้นต์ไว้ในนี้หรือทวิตแล้วติดแท็ก #6112XMATE บอกกันบ้างนะคะ