วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560

XOXO (special chapter) - โปรเจค Please, Don't Stop the Music #6112XMATE

อ่านเรื่องราวก่อนหน้าได้ที่นี่ค่ะ https://writer.dek-d.com/SECRET6112/story/viewlongc.php?id=1582993&chapter=3



XOXO (Special)




ถึงโดคยองซู

          ฉันตอบจดหมายนายตามสัญญาแล้วนะ นายจะได้ไม่เรียกฉันว่าคนบ้าอีก แต่จริง ๆ ฉันก็อยากเป็นคนบ้าของนายนะ งั้นฉันยอมให้นายจะเรียกฉันว่าคนบ้าก็ได้ อีกอย่าง...ฉันไม่ใช่คนใจร้ายนะ ที่นายว่าฉันตอนที่ลูบหัวนาย ถ้าคนไม่มีใจทำแบบนั้นก็คงต้องบอกว่าใจร้าย แต่ในเมื่อฉันลูบหัวคนที่ฉันมีใจให้ ฉันน่าจะหลุดจากข้อหานี้แล้วใช่ไหม? (ฉันเดาว่าตอนนี้นายต้องกำลังหน้าแดงอยู่แน่ ๆ อยากเห็นจัง)
          โดคยองซู...ฉันลืมถามคำถามนายไปข้อนึง แต่ฉันอยากจะถามนายต่อหน้ามากกว่า เพราะงั้นฉันจะไปถามนายตอนที่เราเจอหน้ากันนะ

                                                                                      ฉันเป็นคนบ้าของคนบ้า
                                                                                              ปาร์คชานยอล




            “ปาร์คชานยอลคนบ้า”

            คยองซูพูดออกมาเบา ๆ หลังจากอ่านจดหมายที่เพิ่งส่งมาถึงมือเขาเมื่อตอนเย็นจบ เขาวางกระดาษเขียนจดหมายลายท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนลงบนโต๊ะแล้วยกมือทั้งสองขึ้นมาทาบไว้บนแก้ม อุณหภูมิที่สูงกว่าปกติที่สัมผัสได้ทำให้เขามั่นใจว่าเขาจะต้องกำลังหน้าแดงอย่างที่ปาร์คชานยอลเดาไว้แน่ ๆ จดหมายฉบับนี้เพิ่งส่งมาถึงมือของเขาในตอนเย็นวันอังคาร หลังจากที่ปาร์คชานยอล (คนบ้าคนนั้นนั่นแหละ) บอกให้เขารอรับจดหมายจากเจ้าตัว วันนี้ตอนที่เขากลับมาจากโรงเรียนแม่ก็ยื่นจดหมายให้ สิ่งที่เขาทำเมื่อเห็นชื่อผู้ส่ง คือ คว้ามันจากมือแม่แล้ววิ่งตึงตังขึ้นไปบนห้องแล้วซุกหน้าแดง ๆ ของตัวเองไว้กับหมอนแถมด้วยการกลิ้งไปกลิ้งมาอีกพักใหญ่จนแม่เรียกให้ลงไปกินข้าวนั่นแหละ เขาถึงได้เปิดกล่องรูปตู้ไปรษณีย์สีแดงหย่อนซองจดหมายสีฟ้าลงไปแล้วล็อคกุญแจเอาไว้เป็นอย่างดี รอจนกินมื้อเย็น ทำการบ้านและอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นล่ะ เขาถึงได้เวลาหยิบเอาจดหมายจากลูกชายคุณไปรษณีย์ออกมาอ่านแล้วก็มานั่งหน้าแดงอยู่อย่างนี้

            คยองซูแกะห่อกระดาษเขียนจดหมายสีเขียวน้ำทะเลเซ็ตใหม่ที่เพิ่งซื้อมาแล้วหยิบออกมาใบนึงแล้วก็จ้องมองมันอยู่อย่างนั้นเป็นนาน ตอนที่เขียนระบายความรู้สึกอะไรก็ดูง่ายไปหมด แต่ตอนนี้...แค่คิดว่าจดหมายฉบับนี้จะต้องถูกอ่านโดยปาร์คชานยอลคนนั้น คยองซูก็ดูเหมือนจะกลายเป็นคนหัวตื้อไปเสียเฉย ๆ เขานั่งเม้มปากจ้องกระดาษแผ่นเดิมอยู่นานกว่าที่จะจรดปลายปากกาลงไป



ถึงปาร์คชานยอล

          นายเป็นหมอดูหรือไงถึงมารู้ว่าฉันจะหน้าแดงตอนไหน ฉันรู้ว่านายเดามั่ว ๆ ถึงมันจะถูกก็เถอะ... แล้วนายจะถามอะไรฉัน? ทำไมไม่ถามตั้งแต่วันอาทิตย์? แล้วทำไมต้องรอถามต่อหน้าด้วย? ฉันอยากรู้แล้ว ๆ ๆ ๆ
          อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะปิดเทอม ฉันอยากไปเที่ยวที่ทำงานของพ่อนายแล้วอ่า เอ๊ะ! ไม่ใช่ว่านายลืมไปแล้วนะ ถ้าลืมจะไม่รักจริง ๆ ด้วย

                                                                                  นายจะหน้าแดงบ้างก็ได้
                                                                                         โดคยองซู



            คยองซูพับจดหมายใส่ซองแล้วจ่าหน้าซองให้เรียบร้อยใส่กระเป๋าไว้เพื่อพรุ่งนี้เช้าเขาจะปั่นจักรยานไปหย่อนใส่ตู้ไปรษณีย์ที่ตั้งอยู่หน้าที่ทำการไปรษณีย์ บางทีการที่อาศัยอยู่บนเกาะเล็ก ๆ แบบนี้มันก็เป็นเรื่องน่าขำนิดหน่อยเมื่อบนเกาะมีตู้ไปรษณีย์อยู่เพียงสองแห่ง และหนึ่งในนั้นตั้งอยู่หน้าที่ทำการไปรษณีย์เพื่อรับจดหมายที่มีคนมาส่งก่อนเวลาเปิดทำการ แต่สำหรับคยองซูมันมีเรื่องน่าขำยิ่งกว่านั้น เมื่อจดหมายของเขาจ่าหน้าซองถึงบุคคลที่อยู่บ้านเดียวกับคุณไปรษณีย์ ถึงแม้ว่าคุณไปรษณีย์จะสามารถหยิบจดหมายฉบับนั้นไปส่งให้เจ้าของชื่อได้เลยเมื่อเขากลับบ้าน แต่จดหมายฉบับนั้นก็ยังต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆเหมือนจดหมายที่เดินทางไปยังที่ไกล ๆ เช่นกัน


++++++++++++++++++++++++++


            คยองซูปั่นจักรยานออกจากบ้านเช้ากว่าปกติเล็กน้อยเพราะวันนี้ต้องออกนอกเส้นทางไปแวะส่งจดหมาย เขาจอดจักรยานไว้หน้าตู้โดยยันเท้าข้างหนึ่งไว้กับพื้น มือก็ค้นจดหมายออกมาหย่อนใส่ตู้จนได้ยินเสียงจดหมายหล่นลงไปกระทบก้นตู้ริมฝีปากเล็กก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างยินดี

            “ส่งจดหมายถึงฉันเหรอ?”

            เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังออกมาจากประตูที่ทำการไปรษณีย์ทำเอาคนที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แทบจะทำจักรยานหลุดมือ ปาร์คชานยอลเดินไปที่จักรยานคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าประตูทางเข้าแล้วจูงมันเดินมาหาคนตัวเล็กที่กำลังเบิ่งตาโตด้วยด้วยความตกใจอยู่

            “ทะ..ทำไมชานยอลมาอยู่นี่ล่ะ?”

            “ไม่รู้สิ แค่เดาว่าวันนี้น่าจะเจอบางคนมาส่งจดหมายเลยมารอไปโรงเรียนพร้อมกัน”

            คยองซูเบะปากให้คนที่ชอบทำตัวเป็นผู้หยั่งรู้แล้วเดาโน่นเดานี่แล้วดันเดาถูกไปทีนึง จนคนตัวสูงหัวเราะออกมาพลางยกมือขึ้นโยกหัวอีกคนเบา ๆ

            “ไปโรงเรียนกันเถอะ”

            สองคนปั่นจักรยานตามกันไปบนขอบทางเล็ก ๆ ลัดเลาะไปตามทางที่คุ้นเคย ตอนแรกต่างคนต่างปั่นกันไปเงียบ ๆ จนคยองซูนึกอะไรขึ้นมาได้

            “ชานยอล”

            “หื้ม?”

            “ไหนบอกว่ามีอะไรจะถามเรา”

            “...”

            “ชานนนน ยอลลลล”

            ไม่มีเสียงตอบจากชานยอลแถมยังแกล้งปั่นจักรยานหนีให้เขาต้องรีบปั่นตามอีกต่างหาก กว่าจะถึงโรงเรียนคยองซูก็แทบลิ้นห้อย อยากจะหันไปทุบชานยอลที่จอดจักรยานเสร็จเรียบร้อยแล้วให้น่วมโทษฐานที่ทำให้โดคยองซูคนนี้ต้องเหนื่อยแทบหมดแรง

            “ชานยอล!

เรียกอีกคนเสียงหลงเมื่อข้อมือของตัวเองโดนมือใหญ่คว้าไปจับไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน

“เรียกกันบ่อย ๆ นี่กลัวลืมชื่อฉันเหรอ?”

เจ้าของชื่อก้มลงมาถามพร้อมรอยยิ้มกว้างอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

“ก็...” พูดพลางยกข้อมือที่ถูกจับไว้ขึ้นมาให้ดู “เดี๋ยวเพื่อนก็ถามหรอก แล้วจะตอบว่ายังไง?”

“อืม...นั่นสิ”

อีกคนพยักหน้าเห็นด้วยแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ

“ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องถามคยองซูก่อนแล้วล่ะ”

“ห๊ะ??”

“ก็ที่บอกว่าจะมาถามต่อหน้าไง”

คนตัวเล็กกว่าเหลือบมองนาฬิกา เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาอีกพักใหญ่ ๆ ถึงจะเข้าเรียนจึงหยุดเดินแล้วหันหน้ามาหาอีกคน

“ถามสิ”

“เอ่อ...”

คยองซูเลิกคิ้วมองคนที่กำลังอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ มองซ้ายมองขวาพลางเอามือลูบทายทอยไปมาอย่างไม่เข้าใจ คำถามนี้มันจะอะไรกันนักหนา
.
.
.
“เป็นแฟนกันนะ”

แค่ประโยคสั้น ๆ ที่ออกมาจากปากของชานยอลก็ทำให้คยองซูเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมคำถามนี้มันถึงได้ยากนักหนา ใบหน้าเล็กเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาที่จ้องมองมาที่เขาไม่วางตา คยองซูรู้โดยไม่ต้องเดาให้ยากว่าตอนนี้หน้าเขาจะต้องแดงมากอย่างแน่นอน

“คยองซู”

เสียงทุ้มทอดอ่อนอย่างออดอ้อนเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถามแถมยังไม่ยอมสบตาเขาอีกต่างหาก ถึงจะรู้ว่าเพราะกำลังเขินหนักมากก็เถอะ

“อะไรเล่า?”

เสียงพูดห้วน ๆ แก้เขินถูกส่งกลับมา แต่อย่านึกว่าคนอย่างชานยอลจะกลัว เขากระชับมือข้างที่จับอยู่ให้แน่นขึ้น แถมยังเอื้อมไปจับมืออีกข้างไว้อีกต่างหาก

“จะไม่เป็นแฟนกันเหรอหื้ม?”

ไม่ต้องทำเสียงอ้อนตอนที่ก้มลงมามองหน้ากันแบบนี้ได้มั้ยเล่า!!

“ไม่”

ชานยอลถึงกับชะงักไปเมื่อได้ยินคำตอบที่หลุดมาจากปากคนตัวเล็ก
.
.
.
“ไม่ได้บอกว่าจะไม่เป็นด้วยซะหน่อย คนบ้า”

ชานยอลคิดว่าตอนนี้รอยยิ้มของเขาต้องกว้างกว่าปกติแน่ ๆ เพราะเขารู้สึกเหมือนแก้มตึงจนเหมือนจะระเบิดออกมา ใบหน้าหล่อมองซ้ายมองขวาอีกครั้ง เมื่อไม่เห็นใครเดินอยู่ใกล้เขาก็เลย...

ฟอดดดด

“คนบ้า ถ้าใครเห็นจะทำยังไงเล่า!!!

ฟาดแขนอีกคนไปเต็มแรงแต่คนโดนฟาดกลับหัวเราะชอบใจ มือใหญ่ออกแรงดึงให้คนที่ตอนนี้กำลังเขินจนหน้าแดงก่ำกว่าครั้งไหน ๆ ให้ออกเดินไปพร้อมกัน
.
.
.
“ทีนี้ถ้าใครถามก็ตอบไปนะว่าเราสองคนน่ะ เป็นแฟนกัน




++++++++++++++++++++++++++


ตอนพิเศษสั้น ๆ ค่ะ ชอบหรือไม่ชอบยังไง คอมเม้นต์ไว้ในนี้หรือทวิตแล้วติดแท็ก #6112XMATE บอกกันบ้างนะคะ